Home » โปรแกรมเมอร์ สตอรี สาระพัน » สาวสุดเซอร์กับโปรแกรมเมอร์ปากร้าย นวนิยายสุดฮิต รีวิว แนะนำผู้แต่ง และเรื่องย่อ

การบริหาร/ความรู้ทั่วไป

Web Design by Softbiz+


ว็บนี้ สร้างด้วย Joomla! 1.5 โดย ทีมงานซอฟท์บิส+ update11.11.2014

 
สาวสุดเซอร์กับโปรแกรมเมอร์ปากร้าย นวนิยายสุดฮิต รีวิว แนะนำผู้แต่ง และเรื่องย่อ

  

 

 

โดย สิรินดา   สำนักพิมพ์ แจ่มใส
พิมพ์ครั้งแรก : มกราคม 2547  208 หน้า ราคา 139 บาท

 

รู้จัก สิรินดา

        นักเขียนขายดีเจ้าของผลงาน สาวสุดเซอร์กับโปรแกรมเมอร์ ปากร้าย  เธอเริ่มอ่านหนังสือตั้งแต่เด็ก ด้วยความที่บ้านเดิมอยู่ต่างจังหวัดไร้แสงสีทำให้การอ่านกับเธอได้ทำความรู้จักกัน  หนังสือที่เธอหยิบมาอ่านในช่วงแรกเป็นหนังสือที่อยู่บนชั้นหนังสือของแม่   และเมื่ออ่านมากขึ้นทำให้เธออยากจับปากกาเพื่อลองเขียนแต้มแต่งจินตนาการของตัวเองดูบาง เธอยืนยันว่าการอ่านเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เธอมาเขียนหนังสือในทุกวันนี้

       จบโทเศรษฐศาสตร์จากรั้วเหลืองแดง แต่กลับมาทำงานวิจัยนโยบายไอที และมีงานเขียนนิยาย+เรื่องสั้นเป็นงานอดิเรก เริ่มเขียนหนังสือตั้งแต่อายุ 15  

       สิรินดา เปิดตัวนามปากกานี้กับหนังสือ "สาวสุดเซอร์กับโปรแกรมเมอร์ปากร้าย" และ "หวานใจกับผู้ชายปากแข็ง"หลังจากมีผลงานสะสมอยู่ในเว็บ www.sirinda-stories.net  มาหลายปี

       ที่มาของนามปากกา...ได้มาตอนที่คิดอะไรไม่ออก เลยเอาชื่อ และนามสกุลมาผสมๆๆ กัน ได้ออกมาเป็นคำแปลกๆ คำหนึ่งที่ตัวเองตั้งใจให้อ่านเป็น สิริ-นดา แต่หลายๆ คน กลับอ่านเป็น สิรินดา ก็เลยเป็นสิรินดา มาจนถึงบัดนี้

       ปัจจุบันทำงานวิจัยเป็นงานหลัก และแอบเจ้านาย เขียนนิยาย เป็นงานอดิเรก ...ยังเป็นคนบ้าการเขียน  และคิดว่าคงจะบ้าอาละวาดเขียนนิยายลงในเว็บอีกหลายปี เพราะตั้งใจจะพัฒนาฝีมือในการเขียนให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ...เท่าที่จะทำได้

รายละเอียด

1. ก่อนอื่น แนะนำตัวให้นักอ่านได้รู้จักกันหน่อยค่ะ 
 สิรินดา (สิ-หริ-นะ-ดา) เป็นนักเขียนรุ่นแรกๆ ที่มีโอกาสได้พิมพ์หนังสือกับแจ่มใส เปิดตัวด้วยหนังสือชื่อย้าวยาวว่า ‘สาวสุดเซอร์กับโปรแกรมเมอร์ปากร้าย’ และตามมาด้วยนิยายเรื่องสั้นและเรื่องยาวอีกหลายเรื่อง (แบบไม่สม่ำเสมอ)

2. ตอนเด็กๆ ฝันอยากเป็นอะไรคะ  แล้วโตขึ้นมาได้เป็นอย่างที่ตอนเด็กๆ ฝันไว้รึเปล่า
เคยฝันอยากเป็นอะไรหลายอย่าง เช่น คนเขียนรูป มัณฑนากร นักยิมนาสติก รวมถึงกระเป๋ารถเมล์ แต่ไม่เคยฝันว่าตัวเองจะเป็นนักเขียน เพราะรู้สึกว่าไกลเกินเอื้อมสำหรับตัวเองมากๆ ตอนนี้ไม่ได้ทำอะไรอย่างที่ฝันไว้สักอย่าง วันเวลาเปลี่ยนไป จึงเลือกที่จะทำอะไรที่ทำได้ดีที่สุด ณ เวลานั้น ๆ ตอนนี้งานประจำคือเป็นนักวิจัยนโยบายไอที และมีงานเขียนเป็นงานอดิเรก ซึ่งถึงแม้จะไม่ได้เป็นไปตามฝัน แต่ก็มีความสุขทุกวันกับงานทั้งสองอย่าง

3. ถ้าเกิดให้เลือกเป็นคนอื่นได้หนึ่งวัน จะเลือกเป็นใคร เพราะอะไร
อยากมีโอกาสได้เป็น Judith MacNaught นักเขียนนิยายโรมานซ์ชาวอเมริกันสักวันเพราะอยากเขียนหนังสือเก่งๆ อย่างผู้หญิงคนนั้นเหลือเกิน ตามอ่านหนังสือของเธอมาหลายเล่ม ชอบที่เธอวางพล็อตได้เรียบง่ายไม่สับสนแต่ก็มีความลึกเป็นของตัวเอง

4. แล้วความฝันสูงสุดในชีวิตที่อยากจะทำให้สำเร็จคือสิ่งใดกันเอ่ย
อยากมีหนังสือนิยายสักเล่มที่คนอ่านจำได้ว่าเราเขียน

5. บอกได้รึเปล่าคะ ทำไมถึงชอบและรักที่จะเขียนนิยาย
เริ่มเขียนจากการที่ชอบอ่านก่อน สมัยก่อนไม่มีอินเตอร์เน็ต ไม่มีสื่อให้เราดูมากมากนัก หนังสือเป็นสื่อต้นๆ ที่ทำให้เราสามารถท่องไปในโลกจินตนาการได้ไม่รู้จบ เริ่มจากอ่านเล่มแรก แล้วก็ต้องอ่านไปเรื่อยๆ จนพบว่า อยากจะเขียนให้ตัวเองอ่านบ้าง แรงบันดาลใจเริ่มจากตรงนั้น  นิยายที่เป็นแรงบันดาลใจแรกคือ ‘ปริศนา’ หนังสือนิยายบนชั้นหนังสือในบ้าน โดยพล็อตจากการเขียนจะหาจากรอบตัว  คือมองรอบๆ ตัว เมื่อพบเจออะไรที่คิดว่าน่าสนใจก็จะเก็บๆ ไว้เป็นมุกเขียนหนังสือ เช่น เจอคนแก่สองคนเดินจูงมือกัน เราก็จะจินตนาการแล้วว่าทั้งสองคนนี่ต้องผ่านอะไรมาบ้างถึงรักกันมากขนาดนี้ อะไรทำนองนั้น

6. สุดท้ายแล้ว เปิดโอกาสให้อ้อนคนอ่านได้เต็มที่ค่ะ
สิรินดาเป็นคนชอบเขียนหนังสือธรรมดาๆ ที่ยังอยากฟังความคิดเห็นของทุกคนที่เคยอ่านนิยายของตัวเองค่ะ มีอะไรอีเมล์มาคุยกันได้ที่ 
อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน  และแวะเข้าไปอ่านผลงานที่ยังไม่ได้ตีพิมพ์ได้ที่www.sirinda-stories.net หรือติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวได้ที่www.twitter.com/i_sirinda

จากผู้แต่ง

      เรื่องราวของสาวห้าวอารมณ์ศิลป กับโปรแกรมเมอร์อารมณ์ร้าย (แต่ใจดี) เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากการที่ได้ทำงานร่วมกับโปรแกรมเมอร์หลายๆ คน  และพบว่าส่วนใหญ่พวกนี้จะเป็นพวก ... พูดจาไม่รู้เรื่อง ยกเว้บพูดด้วยภาษา สคริปต์ก็เลยเอามาเปรียบเทียบกับคนไกล้ตัว (น้องสาว) สาวอารมณ์ศิลป์  ที่รู้จักคอมพิวเตอร์เพียงผิวเผิน คิดเลยไปว่า ถ้าสองคนที่มีลักษณะต่างกัน มากขนาดนี้มาเจอกันจะเป็นอย่างไร นั่นคือที่มาของการร่างเรื่อง "นรีกับคีตา"  ตอนที่ 1 และตามมาด้วยเรื่องราวอีกหลายตอน และท้ายที่สุดก็กลายมาเป็นหนังสือ สาวสุดเซอร์กับโปรแกรมเมอร์ปากร้าย...
 

แนะนำเรื่อง...

         เมื่อ สาวห้าวอารมณ์ศิลป์ต้องรับบทภรรยากำมะลอของนักโปรแกรมเมอร์ผู้รักความไฮเทค ชีวิตชุลมุนวุ่นวายที่ต่างคนต่างต้องซ่อนความรู้สึกหวานๆ ในหัวใจจึงเกิดขึ้น

คีตา…โปรแกรมเมอร์หนุ่มหล่อมาดเนี้ยบ มือหนึ่งของบริษัท โปรดปรานเทคโนโลยีโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

นรี…มัณฑนากรสาวห้าวอารมณ์ศิลป์ เกลียดเทคโนโลยีโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

เมื่อสาวห้าวพลัดตกลงในหลุมรักของหนุ่มหล่อดังโครมใหญ่ นรีจะทำอย่างไรเมื่อเขามีคู่หมั้นสาวแสนสวยอยู่แล้ว…และเหตุการณ์ยิ่งชุลมุนวุ่นวายเมื่อทั้งสองต้องจับคู่เป็นสามีภรรยากำมะลอ ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในเรือนหอที่แสนอบอุ่น…

เรื่องราวชุลมุนวุ่นวายจึงเริ่มขึ้นโดยที่ต่างคนต่างต้องพยายามเก็บความรู้สึกหวานๆ ในหัวใจให้มิดชิด…

 

ผมชื่อ "คีตา" เป็นนักเขียนโปรแกรมมือหนึ่งของบริษัท สิ่งที่ผมชอบก็พวกความไฮเทค เทคโนโลยีไง ผู้หญิงในสเป็กผมต้องสวย บอบบาง อ่อนหวาน ส่วนผู้หญิงที่ผมไม่คิดจะเอาเป็นแฟนน่ะเหรอ ก็พวกห้าวๆ พูดจาโผงผาง ทำตัวเลียนแบบผู้ชาย ไม่ใช่ว่าพวกเธอไม่ดีนะ เพียงแต่ไม่ใช่แบบที่ผมชอบเท่านั้นล่ะ

อะไรนะ คุณบอกว่าผมจะต้องแต่งงานอยู่ร่วมบ้านกับผู้หญิงห้าวๆ เซอร์ๆ งั้นเหรอ ไม่มีทาง บอกได้เลยว่าไม่มีทาง ให้ตายสิ!

 

ฉันชื่อ "นรี" เป็นผู้หญิงที่ออกจะห้าวๆ ซักหน่อย แล้วไง ห้าวก็ไม่หนักอะไรใครนี่ ก็ฉันเป็นผู้หญิงยุคใหม่ พึ่งพาตัวเอง ยืนได้บนลำแข้งของตัวเอง ผู้หญิงอ่อนแอที่ต้องคอยให้ผู้ชายปกป้องต่างหากที่ฉันว่าน้ำเน่าสิ้นดี สิ่งที่ฉันชอบเหรอ การวาดรูป ศิลปะ ส่วนสิ่งที่เกลียดก็เทคโนโลยีไง โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

อ้อ อีกอย่างที่เกลียด ก็พวกผู้ชายหน้าตาดีแต่ขี้เก๊ก แต่งตัวเนี้ยบ มั่นใจในตัวเองเกินเหตุ ว่าไงนะ ถ้าฉันต้องแต่งงานกับผู้ชายแบบนั้นน่ะเหรอ ไม่มีทาง ขอตายซะดีกว่า!

 

เรื่องย่อ :...

         นรี มัณฑนากรสาวอารมณ์ศิลป์สุดๆ เพิ่งรับงานวาดรูปประดับคอนโดฯ ของเศรษฐีใหญ่ เธอคิดจะใช้บ้านพักที่ชะอำของครอบครัวเป็นที่ทำสมาธิในการวาดรูป แต่แล้วก็ต้องพบว่าบ้านหลังนั้นถูกจับจองโดยนายคีตา โปรแกรมเมอร์หนุ่มลูกน้องคนสนิทของพี่ชายซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทซอฟต์แวร์ที่มีชื่อเสียง

         นายคีตาเป็นผู้ชายหน้าตาดีแต่อารมณ์ร้าย ขาวีน เขาไม่พอใจทันทีที่รู้ว่าตัวเองกำลังจะถูกน้องสาวของเพื่อนรุ่นพี่ (ซึ่งมีศักดิ์เป็นเจ้านายไปด้วยพร้อมกัน) ใช้ความเป็นน้องสาวมาไล่เขาออกจากบ้าน เพราะเขาเองก็กำลังคิดโปรเจ็กต์ใหญ่ที่ต้องการความสงบเช่นกัน บทสรุปของการที่ไม่มีใครยอมใครทำให้ทั้งสองต้องอยู่ร่วมบ้านกัน และต่างคนก็ต่างทำงานของกันและกันไป นรีพบว่าลูกน้องของพี่ชายทำอาหารเก่ง ไม่เข้ากับหน้าตาที่ดูไม่รับแขกนั่นเลย ส่วนคีตาก็พบว่าน้องสาวของเพื่อนคนนี้เป็นคนมีฝีมือในการวาดรูปและการออกแบบตกแต่งภายในดีทีเดียว

        คีตากำลังหาคนออกแบบเรือนหอ เขาแอบไปจ้างบริษัทของนรี โดยระบุว่าต้องให้หญิงสาวออกแบบตกแต่งภายในเรือนหอให้เท่านั้น ความลับเปิดเผยเมื่อนรีต้องส่งแบบงวดที่สอง ทั้งคู่ยังไม่ถูกชะตากัน แต่ก็ยอมรับที่จะทำงานร่วมกัน คีตาชักจูงให้นรีกลับเข้าบ้านของพี่ชายหลังจากเธอออกจากบ้านนั้นมาใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียวนานหลายปีเพราะเข้าใจผิดกับพี่สะใภ้

        พี่สะใภ้ของนรีให้กำเนิดหลานแฝด เธอเปลี่ยนเป็นคนที่อ่อนโยนและมองโลกในแง่ความเป็นจริงมากขึ้น ประกอบกับนรีเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ทำให้ทั้งสองปรับตัวเข้าหากันและดีต่อกันในที่สุด แต่นรีก็ยังไม่ยอมย้ายกลับ เธอยังอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ราคาไม่แพงที่ออกจะเปลี่ยวไปนิดเหมือนเดิม คีตาเองก็อดเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอไม่ได้
ด้วยความเป็นคนปากร้ายแต่ใจดี รักเพื่อนอย่างจริงใจของคีตา ทำให้นรีค่อยๆ ซึมซับความดีของเขา และแอบรักเขาอยู่เงียบๆ ในขณะที่คีตาก็ยังมีจิตใจมุ่งมั่นอยู่กับหนิง แฟนสาวที่อยู่ที่อเมริกาและกำลังจะกลับมาเร็วๆ นี้ แต่ถึงแม้คีตาจะมีแฟนอยู่แล้ว แต่เขาก็มีผู้หญิงอื่นมาติดพัน เช่น ริน สาวสวยเปรี้ยวที่ชอบเจ้ากี้เจ้าการกับชีวิตคนอื่น

         เรือนหอใกล้เสร็จ นรียิ่งรู้สึกแย่ที่ไปหลงรักคนมีเจ้าของ เธอหลบไปหาเพื่อนที่เชียงรายเพื่อทำใจ แต่ปรากฏว่าเธอกลับเจอหนิง คนรักของคีตากับชายหนุ่มชาวต่างชาติ หนิงยอมรับกับนรีว่ามิทช์เป็นสามีของเธอ และเธอยังไม่กล้าบอกคีตาเพราะเขาอุตส่าห์ลงทุนเกี่ยวกับเรือนหอและเตรียมการแต่งงานไว้มากมาย
นรีกลับกรุงเทพฯ ด้วยความปวดร้าวใจยิ่งขึ้น เธอไม่กล้าบอกคีตา ประจวบกับคีตาประสบอุบัติเหตุทำให้เธอตัดสินใจเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อน จนคีตาได้รู้เรื่องโดยบังเอิญในที่สุด

          หลังจากหายป่วย คีตาเปลี่ยนไป จากผู้ชายปากร้ายกลายเป็นผู้ชายเงียบขรึม จนนุภาพ พี่ชายของนรีเป็นห่วง ท้ายที่สุดคีตาตัดสินใจไปเรียนต่อเพื่อหนีปัญหาทั้งหมด เขาขอร้องให้นรีดูแลเรือนหอที่ยังไม่เสร็จดีนักให้ด้วย โดยบังคับให้เธอย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านนั้นเลย คีตาไปอยู่ต่างประเทศ นรียิ่งพยายามทำใจ แต่การที่ได้เห็นบ้านของเขาทุกวันก็ทำให้เธอยิ่งคิดถึงเขา เธอมีโอกาสติดต่อเขาบ้างทางอีเมล เนื่องจากคีตามักจะวานให้เธอทำโน่นทำนี่ให้ และโดยอีเมลนี้เอง ทำให้ทั้งสองเริ่มจะคุยกันด้วยดี

          ระหว่างที่คีตาอยู่ต่างประเทศ ทางเมืองไทยก็มีข่าวร้าย นุภาพป่วยหนัก เขาเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายแบบไม่รู้ตัว และเสียชีวิตอย่างรวดเร็วจนนรีแทบทำใจไม่ได้ คีตาเองก็เอะใจกับอีเมลท้ายๆ ของนุภาพที่เขียนเหมือนจะลา เขาจึงตัดสินใจเดินทางกลับเมืองไทยเพื่อมาเยี่ยมเพื่อน แต่ก็มีโอกาสเพียงได้มางานศพเพื่อนเท่านั้น
 เมื่อนุภาพเสียชีวิต เก๋ ภรรยาของนุภาพจึงต้องมาดูแลบริษัทแทน คีตาเห็นดังนั้นก็ตัดสินใจพักการเรียนไว้ก่อนเพื่อมาช่วยครอบครัวของนุภาพ การบริหารงานโดยมีเก๋ซึ่งเป็นผู้หญิงในบริษัทที่มีผลประโยชน์มากมายเข้ามาเกี่ยวข้องทำให้ไม่ราบรื่นนัก ผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ พยายามเข้ามามีอิทธิพลในการบริหาร ในที่สุดเก๋กับคีตาจึงร่วมกันหาทางออก และทางออกนี้นุภาพได้บอกคีตาเป็นนัยๆ ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว นั่นคือการที่ให้คีตาแต่งงานกับนรี (ซึ่งนุภาพยกหุ้นส่วนหนึ่งให้) และเข้ามาบริหารงานในตำแหน่งผู้ถือหุ้นใหญ่แทนเก๋

           การแต่งงานกันหลอกๆ ทำให้ทั้งสองต้องย้ายมาอยู่บ้านเดียวกัน ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน และได้พบว่าต่างฝ่ายต่างแอบพึงใจในความเป็นตัวของตัวเองของอีกฝ่าย ในความต่างกันเกือบสุดขั้ว ทั้งคู่กลับต่างเติมเต็มในสิ่งที่ตนเองไม่มี คีตาตั้งใจสะสางงานเพื่อบริษัทจนนรีแอบสงสารเอาบ่อยๆ เรื่องในบริษัทยังไม่ยุติ เนื่องจากมีพนักงานคนหนึ่งแอบเอาโปรแกรมที่คีตาคิดค้นได้ไปขาย เขาตามจับเพราะคิดว่ามันพัวพันกับผู้ถือหุ้นอีกฝ่าย เขาต้องตามไปเชียงรายโดยขอให้นรีตามไปด้วย

          ที่เชียงราย การตามล่าคนร้ายผ่านไปได้ในที่สุด คีตารู้สึกโล่งอกกับภารกิจที่สำเร็จไปอีกอย่าง ส่วนนรีก็ยิ่งเห็นใจในความจริงใจ จริงจังกับงานของคีตา ทั้งคู่มีเหตุต้องอยู่ห้องเดียวกัน และความเห็นใจที่ไม่รู้ว่าเป็นความรักนี้เองทำให้ทั้งสองมีอะไรกันในที่สุด แต่แทนที่จะเข้าใจกัน กลับกรุงเทพฯ กลับมีเรื่องที่ทำให้ทั้งสองเข้าใจผิด มีหนุ่มๆ มาหลงรักนรีมากหน้า ในขณะที่คีตาก็มีเรื่องบริษัทอีกเล็กน้อยต้องสะสาง

           ท้ายที่สุดเก๋ก็ทนไม่ได้ที่เห็นคนสองคนที่รักกันต้องหมางเมินกัน เธอจึงออกอุบายบอกนรีว่าสงสารคีตาจนอยากจะขายหุ้นไป ไม่ต้องให้เขายุ่งกับบริษัทอีก และให้เขาหย่าขาดจากนรี นรีเห็นด้วยเพราะห่วงสุขภาพ และอยากให้คนที่ตัวเองรักได้กลับไปเรียนต่อ แต่สำหรับคีตา การได้รู้ข่าวนั้นทำให้เขาเสียใจเพราะรู้สึกว่านรีและเก๋อยากจะผลักเขาไปไกลๆ โดยเฉพาะนรี ตอนนี้เขารู้แล้วว่าแอบมีเธออยู่ในใจโดยไม่รู้ตัวมานานแล้ว เขาไม่ยอมทำตามที่ทั้งสองตัดสินใจ เขาไม่ยอมเสียนรีไป ในที่สุดคีตาก็ขอเก๋ไปสงบสติอารมณ์ที่ชะอำ บ้านพักหลังเดิมที่เขากับนรีได้รู้จักกันเป็นครั้งแรก ส่วนนรี เมื่อรู้ว่าคีตาเสียใจมากกับการตัดสินใจของเธอก็อยากจะปรับความเข้าใจ เธอเดินทางมาเจอเขาที่ชะอำ และต้องเปิดเผยความในใจของตัวเองเพื่อจะได้ปรับความเข้าใจกันในที่สุด…

          เมื่อสาวห้าวอารมณ์ศิลป์ต้องรับบทภรรยากำมะลอของนักโปรแกรมเมอร์ผู้รักความไฮเทคชีวิตชุลมุนวุ่นวายที่ต่างคนต่างต้องซ่อนความรู้สึกหวานๆ ในหัวใจจึงเกิดขึ้น

*********************************************************************************************

Naree-Keeta Special

 

หลังจากที่เรื่องราวความรักของ "นรี" และ "คีตา" ได้รับการ ถ่ายทอดผ่านนวนิยาย "สาวสุดเซอร ์ กับโปรแกรมเมอร์ปากร้าย" ก็ได้มีผู้ติดตาม ถามใถ่ถึงความคืบหน้าของชีวิตรักของทั้งคู่ มามากมาย วันนี้บอกอ ก็เลยจับคู่รักคู่หวาน(อมเปรี้ยว) คู่นี้ มาให้เปิดเผยเรื่องราวเพื่อความกระจ่างขอทุกท่านค่ะ

วันนี้เรานัดพบนรีกับคีตาที่บ้านหลังเล็กที่อดีตเกือบจะเป็นเรือนหอของคุณคีตากับคุณหนิง "อดีต" คนรัก และในที่สุดบ้านหลังนี้ก็ได้ทำหน้าที่เป็นเรือนหอระหว่างนรีและคีตามาเป็นเวลาสี่ปีแล้ว (เร็วจริงๆเลยนะคะเนี่ย) 

วันนี้นรีแต่งตัวสบายๆ ด้วยเสื้อยืดแขนกุดสีขาว กับกางเกงสีเข้มผ้าเนื้อบางเบา สบายๆ ในขณะที่คุณคีตาของเรายังคงความเนี๊ยบไว้ในชุดกางเกงยีนส์ (รีดเรียบ) กับเสื้อเชิร์ตสีฟ้าน้ำทะเล

 


บอกอ : ขอเริ่มด้วยคำถามแรกเลยนะคะ ตอนนี้ชีวิตรักของทั้งคู่เป็นอย่างไรบ้างคะ นรีกับคีตายังทะเลาะกันเหมือนเดิมหรือเปล่า

"ทะเลาะกันทุกวันละครับ วันไหนไม่ทะเลาะกับเค้านอนไม่หลับ" คุณคีตาเป็นฝ่ายตอบ โดยมีนรีค้อนอยู่ข้างๆ คนตอบถือโอกาสโอบหญิงสาวข้างกายมาชิดตัว "แต่ถ้าไม่มีคนทะเลาะด้วย ผมคงทำอะไรตามใจตัวเองตลอด เพราะที่บริษัทมีแต่คนไม่กล้าหือ มีนรีนี่ละ คอยยั้งๆ ผมไว้"

"ยังปากร้ายเหมือนเดิมค่ะ" นรีพูดขึ้นมาบ้าง แต่ไหงส่งสายตาหวานไปให้คนปากร้ายก็ไม่รู้ "แล้วก็ทำอะไรไม่ค่อยคิดถึงใจลูกน้อง จะเอาแต่งานให้เสร็จ นี่นรีเพิ่งไปปรับปรุง office ให้ใหม่ แบบให้ทัศนียภาพเหมาะกับการทำงานหน่อยไงคะ ลูกน้องจะได้ตั้งใจทำงานกันมากขึ้น ให้แต่เงินเดือนสูงๆ อย่างที่คุณคีให้อย่างเดียวไม่พอหรอกค่ะ"

"คร๊าบ เอาใจพวกมันเข้าไป สักวันมันก็เหลิงกันพอดี"

นรีทำหน้าบึ้ง "ก็นรีจบตกแต่งภายในนี่คะ เห็นที่ทำงานรกๆ แบบนั้นก็ทนไม่ไหว ใครจะคิดอะไรออก" เธอหันมาพยักเพยิดกับบอกอ "นอกจากปากร้ายแล้วยังทำงานดึกเหมือนเดิมเลย นี่ย้ายไปห้องทำงานอีกห้อง ถ้าไม่ไปลากตัวกลับมานอน ก็ไม่กลับมานอนหรอก"

"นรีก็ทำงานดึกๆ เหมือนกันล่ะ" คีตาบอก "บ้างานทั้งคู่ครับ เพิ่งจะมาทุเลาการบ้างานก็ระยะหลังนี่ล่ะ"

บอกอ : อ้าว ทำงานเยอะอย่างนี้ มีเวลาไปสวีทหวานแหววกันบ้างหรือเปล่าคะ อย่างเช่นไปฮันนีมูนน่ะค่ะ

เจอคำถามนี้เข้า รู้สึกว่าคุณคีตาขยับตัวอย่างอึดอัด บอกอ แอบเห็นว่าโปรแกรมเมอร์ปากร้ายของเราหน้าแดงค่ะ เพื่อให้ได้คำตอบ บอกอ จึงหันมาหานรี

"ก็หลังจากปรับความเข้าใจกันครั้งนั้น เราสองคนก็มีโอกาสได้ไปทะเลด้วยกันครั้งหนึ่ง และอีกครั้งก็ไปเกาหลีใต้ค่ะ"

"ไปทะเล ไปที่ไหนคะ เมืองไทย?" บอกอ ถาม

"ไปมัลดีฟค่ะ คือนรีเป็นคนขอคุณคีตาเองล่ะค่ะ เป็นของขวัญวันครบรอบแต่งงานได้หกเดือน อยากไปมานานแล้ว อยากไปวาดรูปทะเลที่นั่น คุณคีก็ตามใจค่ะ"

"ผมอยากเห็นเมียตัวเองนุ่งบิกินี่เท่านั้นล่ะ เลยลงทุนไปถึงที่โน่น ตอนแรกวางแผนว่าจะให้เธอเปลือยกายอาบแดดเสียด้วย แต่เจ้าตัวไม่ยอม" 

"บ้าสิ" นรีหันไปถองคุณคีตาเบาๆ หน้าแดง


"แล้วเกาหลีล่ะค่ะ ไปที่ไหน" บอกอ รีบเปลี่ยนประเด็นเรื่องเสียก่อนที่จะมีฉาก xxx โผล่ออกมามากกว่านี้

"ไปเกาหลีนี่ไม่รู้จะนับว่าไปเที่ยวได้หรือเปล่า เรียกว่าไปติดต่องานดีกว่าค่ะ คุณคีไม่อยากไปคนเดียว ลากนรีไปด้วย มาหลอกเราว่าจะชวนไปเที่ยว..." นรีค้อนให้คนข้างๆ "ไปถึงก็ไปติดต่อเรื่องโปรแกรมอะไรไม่รู้ ปล่อยให้นรีเดินเที่ยวทั่วเกาหลีคนเดียว"

"ก็ผมไม่อยากไปคนเดียวนี่นา" คนโดนกล่าวหาแก้ตัวเสียงอ่อย "ถ้าผมไม่เอานรีไปด้วย ก็เท่ากับว่าไม่ได้เห็นหน้านรีตั้งอาทิตย์นึงเลยนะ เลิกงอนเรื่องนี้ได้แล้ว ไปคราวหน้าจะพาไปเล่นสกี พาไปเที่ยวนอกเมืองนะ นะ จะให้เวลานรีคนเดียวเลย รับรอง"

เจอบทออดอ้อนของคุณคีตาเข้าไป นรีของเราก็เลยปิดปากเงีบบ ไม่บ่นอะไรอีก

 

บอกอ : ขอต่อเลยนะคะ คำถามนี้น้องๆ หลายคนที่ติดตามเรื่องราวความรักของทั้งคู่ถามมามากเป็นอันดับต้นๆ เลย คือ น้องๆ อยากทราบว่าตอนนี้ นรีกับคีตา มีนรีหรือคีตาตัวน้อยๆ แล้วหรือยังคะ 

ยังไม่ทันจะถามจบประโยค คุณคีตาก็ตะโกนขึ้นมา "เจ้าวิน .. เจ้าวิน อยู่ไหน มาให้ป้าบอกอ เค้าดูความหล่อหน่อยสิลูก" เมื่อเรียกแล้วไม่มีใครตอบ คุณคีตาก็หันไปหานรี "ลูกเราไปไหน"

นรีอมยิ้ม หันมาหาบอกอ "อยู่ห้องทำงานของคุณมั้งคะ ตอนนี้กำลังติดเกมส์ค่ะ คุณคีตาเอาเกมส์สำหรับเด็กที่ลูกน้องในบริษัทคิดค้นขึ้นมามาให้ลองเล่น นี่ขนาดสามขวบ แกยังใช้เมาส์ไม่คล่องแต่มีแววจะบ้าคอมพิวเตอร์เหมือนพ่อค่ะ กลัวอยู่เหมือนกันว่าโตขึ้นจะคุยกับใครไม่รู้เรื่อง" 

คนเป็นพ่อหันมาโวยวาย "เด็กมันอัฉริยะเหมือนพ่อต่างหาก...คอยดูสิจะหัดให้เขียนโปรแกรมได้ตั้งแต่สิบขวบเลย"

"ไม่เอานะคุณ ลูกเราน่ะควรจะมีสังคมบ้าง นรีว่าส่งแกไปเข้าค่ายศิลปะที่โรงเรียนใกล้ๆ บ้านนี่ยังจะดีกว่านะ...เรื่องคอมพ์น่ะเรียนทีหลังก็ได้"

ท่าทางจะเริ่มเถียงกันเรื่องอนาคตของลูกแล้วละค่ะ ก่อนที่ทั้งพ่อและแม่มือใหม่จะเถียงกันมากกว่านั้น บอกอ ก็ได้ยินเสียงซอยเท้าลงบันไดบ้านมาอย่างเร็วๆ แล้วเล็กชายตัวป้อม ท่าทางเฉลียวฉลาดก็วิ่งมาหาพ่อแม่ ถึงตัวทั้งคู่ ก็กระโดดขึ้นตักพ่อทันใด แล้วก็หันมาหา-ป้าบอกอ-มองอย่างสงสัยว่าใคร

"นี่ละครับนาวิน ลูกผม สามขวบกับอีกหนึ่งเดือน ซนจนสงสัยว่าจะเป็นลิงกลับชาติมาเกิด" คีตาเอ่ยอย่างภูมิใจ "เจ้านาวิน ธุป้าเค้าสิลูก เค้าเป็นคนทำให้หนูเกิดมาได้รู้หรือเปล่า....."

เด็กชายหันมา-ธุ- ป้าบอกอ อย่างที่พ่อบอก ก่อนจะหันไปคว้าคอแม่ ก้าวข้ามตักพ่อไปหาตักแม่ทันใด แกไม่สนใจ ป้าบอกอ สักเท่าไหร่ ตั้งหน้าตั้งตาเล่าให้แม่ฟังว่า เกมส์ใหม่ของพ่อเป็นอย่างไรบ้าง มีตรงไหนที่แกไม่ชอบ มีตรงไหนที่แกชอบ ท่าทางจะเป็นเด็กที่มีพัฒนาการไว้ และฉลาดพอสมควรเชียวล่ะ

บอก : คำถามต่อมาเลยนะคะ มีน้องหลายคนถามถึงคุณเก๋มาค่ะ ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง

"อ๋อ ตอนนี้พี่เก๋เปิดร้านเสื้อผ้าร้านเล็กๆ ที่สยามเซ็นเตอร์ค่ะ แกเป็นคนขอบแต่งตัว ก็เลยไปเรียนออกแบบเสื้อผ้าเป็นเรื่องเป็นราวไปแล้ว ไม่ยอมมาบริหารงานที่บริษัท บอกว่าให้คุณคีดูแลทั้งหมดน่ะดีแล้ว ตอนนี้ดูเหมือนพี่เก๋สบายใจขึ้นมากนะคะ มีความสุขกับงานเล็กๆ ของแกมากเลย แต่ยังไม่ยอมมีใครใหม่เสียที ตั้งหน้าตั้งตาเลี้ยงเจ้าแฝดสองคนนั่นอย่างเดียว" นรีตอบ "ว่างๆ นรีกับคุณคีก็ไปเยี่ยมแกบ้างค่ะ เอานาวินไปเล่นกับพี่ๆ"


บอก : คำถามสุดท้ายสำหรับวันนี้นะคะ สาวสุดเซอร์ฯ ได้รับความนิยมจากผู้อ่านมากขนาดนี้ ทั้งนรีและคีตาอยากจะฝากอะไรถึงผู้อ่านบ้างไหมคะ

"ฝากความขอบคุณถึงทุกๆ คนครับ" คีตาเอ่ยขึ้นมาก่อน "ขอบคุณที่ทำให้ผมกับนรีมีวันนี้ขึ้นมาได้ ถ้าไม่ได้การต้อนรับดีขนาดนี้ ผมกับนรีก็อาจจะเป็นแค่คู่รักคู่หนึ่ง ในโลกอันวุ่นวายใบนี้ที่ไม่มีใครรู้จักเลย แต่วันนี้ ผมได้มีโอกาสเป็นตัวแทนของโปรแกรมเมอร์ ทำให้คนรู้จักอาชีพนี้มากขึ้น ผมได้มีโอกาสที่จะเรียนรู้ความรัก ในรูปแบบที่ผมเองก็ไม่เคยคิดถึงมาก่อน"

หญิงสาวข้างตัวของคุณคีตาเอนศีรษะพิงไหล่ผู้พูด คุณคีตาจึงถือโอกาสโอบเอวเธอไว้

"สำหรับนรี ขอบคุณที่คุณคีตาไม่ทำให้ผิดหวังค่ะ" เธอส่งสายตาหวานให้คนข้างๆ "และอยากบอกทุกๆ คนว่า ความรักเป็นสิ่งสวยงามค่ะ คู่ของนรีกับคุณคี อาจจะไม่ใช่คู่ที่เฟอร์เฟ็ค และไม่ได้สวีทหวานแหววกันตลอดเวลา แต่นั่นมันคือโลกแห่งความเป็นจริงค่ะ การแต่งงานคือการแบ่งปัน และการร่วมทุกข์ร่วมสุขอย่างแท้จริง"

เฮ้อ ไหนว่าจะฝากข้อความถึงคนอ่าน ไหงทั้งคู่มาผลัดกันชมอีกฝ่ายหนึ่งก็ไม่รู้ อย่างนี้ยังจะไม่เรียกสวีทหวานแหววอีกหรือนรี...


ท้ายที่สุด บอกอ ขอจบบทสัมภาษณ์ นรีกับคีตา ไว้แต่เพียงเท่านี้ค่ะ หวังว่าหลังจากได้อ่านบทสัมภาษณ์ของทั้งคู่แล้ว แฟนๆ "สาวสุดเซอร์ฯ" คงจะหายคิดถึงทั้งคู่ไปได้พอสมควรนะคะ สำหรับคำถามที่มักจะมีแฟนๆ ถามมาว่า จะมี นรีกับคีตา ภาคสองหรือเปล่า บอกอ ขอกระซิบว่า สำหรับเรื่องราวของนรีและคีตา คงปล่อยให้จบโดยสมบูรณ์ในตัวของมันเองในครั้งนี้ สำหรับเรื่องราวที่จะมีต่อไปในอนาคต (ถ้ามีโอกาส) น่าจะเป็นเรื่องราวของเพื่อนพ้อง พี่น้อง และเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับคนทั้งคู่บ้าง เท่านั้น....บอกอ จะเปล่อยให้นรีและคีตา เป็นหนึ่งในหลายๆ ตัวอย่างของรูปแบบของความรักที่สามารถเกิดขึ้นได้บนโลกอันแสนวุ่นวายใบนี้ เป็นบทพิสูจน์ว่าความรักไม่จำเป็นจะต้องเกิดจากความพร้อมสมบูรณ์ของทั้งสองฝ่ายเสมอไป เพียงแค่เข้าใจในความแตกต่างของอีกฝ่ายหนึ่ง เท่านั้นก็พอ

และท้ายที่สุด ขอยืมคำพูดของนรีที่ตะโกนใส่หน้าคีตาตอนที่เขาอกหักว่า "อะไรก็เกิดขึ้นได้ในโลกของความรัก" ขอให้ทุกท่านมีความรู้สึกดีกับความรัก เช่นที่นรีมีให้คีตาตลอดมา แต่ในขณะเดียวกัน ก็พร้อมเสมอที่จะเผชิญเหตุการณ์อันไม่คาดคิดบนโลกแห่งความรักของท่าน อย่างที่คีตาเผชิญกับมัน ถึงแม้เราจะล้ม เราจะผิดหวัง แต่ท้ายที่สุดอาจจะมีสิ่งดีๆ ตามมาก็ได้

ขอให้ความรักจงเจริญ... และขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการได้รักใครสักคน เช่นเดียวกับที่ชายหญิงคู่นี้รักกันค่ะ


บอกอ www.love-stories.net

...................................................................................................................................................................................................

หัวข้อ : นรีกับคีตาตอน 11
ข้อความ : ตอนที่ 11..............
  

วันรุ่งขึ้น เด็กส่งเอกสารจากบริษัทของพี่ชายมาส่งเอกสารถึงฉัน ข้างในเป็นเช็คหนึ่งฉบับ มีตัวเลขอยู่หนึ่งหมื่นห้าพันบาท มีกระดาษโน๊ตสั้น ๆ ว่าเป็นค่าเหนื่อยสำหรับการไปเดินซื้อเฟอร์นิเจอร์ 

ฉันโทรกลับไปหาคนที่ส่งเช็คมาให้บริษัท ปรากฎว่าเขาออกไปพบลูกค้า จะฝากเช็คไปคืน คนส่งเอกสารก็กลับไปแล้ว...... 

ฉันได้แต่เก็บเช็คฉบับนั้นเข้าลิ้นชัก ให้มันมาคอยเตือนถึงคนให้ทุกครั้งที่เปิดลิ้นชักหยิบของ คิดว่าเอาไว้คืนให้เขาวันที่เขาแต่งงานก็แล้วกัน.... 

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ฉันทะเลาะกับนายคีตาครั้งนั้น ดูเขาจะห่างหายไปจากชีวิตของฉันไปโดยปริยาย จริง ๆ เราคงต่างคนต่างเลี่ยงที่จะไม่เจอกันมากกว่า เขามักจะสั่งงานเพิ่มเติม ถ้าต้องการอะไรเพิ่มในการแต่งบ้านมากับหัวหน้าช่าง แทนที่จะโทรมาโดยตรงเหมือนเมื่อก่อน และฉันมักจะโทรไปถามช่างก่อนว่าเขามาดูบ้านหรือเปล่า ในวันที่ฉันจะเข้าไปตรวจงาน และนั่นทำให้ฉันหลบหน้าเขาได้ 

แต่ทุกครั้งที่ฉันเปิดลิ้นชัก ทุกวันที่ก้าวขึ้นรถ ฉันจะคิดถึงเขา 

ฉันยังไม่หายโกรธเขาที่บังอาจมาวุ่นวายกับความเป็นส่วนตัวของฉันด้วยการบอกพี่นุว่าฉันลำบากกับการอยู่อาศัย จนพี่นุต้องซื้อรถให้ แล้วก็เรื่องที่เขาดูถูกฉันอย่างร้ายกาจด้วยการส่งเช็คมาให้เป็นค่าไปช่วยเลือกของ สำหรับเขาเงินคงซื้อได้ทุกอย่าง 

แต่บางครั้ง ระหว่างความโกรธ ยังมีความรู้สึกลึก ๆ บางอย่างที่ซ่อนอยู่ในใจ และฉันก็ค่อย ๆ ตระหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่ามันทวีความรุนแรงขึ้นทีละนิด 

ฉันคิดถึงเขา...ให้ตายเถอะ ฉันคิดถึงผู้ชายปากร้าย ที่กำลังจะแต่งงานคนนั้น 

......... 

“นรี เสาร์นี้ว่างหรือเปล่า” 
พี่สะใภ้ของฉันทรุดตัวลงข้าง ๆ ฉันสะดุ้ง งงอยู่เป็นครู่กว่าจะเข้าใจว่าเธอพูดอะไรกับฉัน แล้วก็รีบกลบเกลื่อน 
“ว่างค่ะ” 
“ไม่มีต้องไปดูบ้าน หรือโรงแรมที่ไหนนะ” 
ฉันพยักหน้า 
“งั้นไปชอปปิ้งกับพี่ไหม” 
ฉันหัวเราะ “ฉันเนี่ยนะคะ” 

พี่สะใภ้พยักหน้า “ตั้งแต่คลอดน้อง พี่ก็ไม่ได้ออกไปไหนเลย พี่นุของเราคิดว่าพี่อ่อนแอนักหนา ไม่ยอมให้ไปไหนเลย แล้ว...พี่ก็รู้สึกว่าพักนี้นรีเบื่อ ๆ ก็เลยชวนไปเสียตังค์แก้เซ็ง” 
“แต่” 
“ไปเป็นเพื่อนพี่นะ” 

ในที่สุดฉันก็ยอมตกลงไปกับพี่สะใภ้ ก็ดีเหมือนกัน ฉันไม่ได้สนใจกับการแต่งตัวของตัวเองมานานพอสมควรแล้ว การแต่งตัว เสื้อผ้าเก่า ๆ ก็ออกจะห้าว ๆ ให้เหมาะกับการออกไปทำงานต่างจังหวัดเสียมากกว่า 

วันเสาร์ต่อมา ฉันขับรถพาพี่สะใภ้ตระเวนตามห้างสรรพสินค้าเราก็ตกลงกันว่าจะเริ่มกันที่สยามเซ็นเตอร์ พี่สะใภ้ของฉันเป็นคนสวย และแต่งตัวเก่ง เธอจึงพาฉันเดินเข้าร้านโน่น ออกร้านนี้อย่างชำนาญ 


“นรีไม่นุ่งกระโปรงบ้างเหรอ พี่เห็นเรานุ่งแต่กางเกง...ลองสวมตัวนี้นะ” พี่สะใภ้หยิบกระโปรงตัวหนึ่งมาให้ฉันลอง ฉันขยับจะปฎิเสธ แต่ก็โดนลากเข้าไปในห้องลองเสื้อจนได้ 

กระโปรงตัวที่สอง สาม และ สี่ ตามมาติด ๆ พี่สะใภ้ฉันคงเป็นคงมีพรสวรรค์ด้านการแต่งตัวพอสมควร ทุกตัวที่เธอเลือกมาให้ฉันลอง ดูจะเหมาะกับบุคลิกสาวห้าวของฉันดี ใส่แล้วก็ไม่ดูหวานจนเกินไป แล้วก็ดูทะมัดทะแมงพอสมควร 

“ใส่กระโปรงบ้างก็ดีนะนรี บางทีเราทำอะไรใหม่ ๆ เสียบ้างมันจะได้หายเบื่อไปได้” 

ฉันมองหน้าพี่สะใภ้เพื่อจะค้นหาความหมายในประโยคนั้นของเธอ แต่ก็ไม่พบอะไร 

ถัดจากกระโปรงก็เป็นเสื้อทำงาน เสื้อไปเที่ยว และรองเท้า ท่าทางเธอจะสนุกกับการจับฉันแต่งตัวเสียเต็มที ฉันเองก็ชักจะสนุกไปกับเธอด้วย 


“ไปตัดผมกัน” 

“อะไรนะคะ” 

“ก็เดินเมื่อย แล้ว กินข้าวอิ่ม ๆ ไปนอนให้เขาสระผม ให้สบาย ๆ หรือนรีจะซอยผมออกนิดก็ได้” 


ฉันมองผมที่ยาวกลางหลัง ที่มักจะถูกรวบไว้เฉย ๆ อย่างไม่สนใจของฉัน หลายเดือนแล้วที่ไม่ได้เข้าร้านทำผม..... 

............... 
เพื่อนร่วมงานในออฟฟิสต่างเป่าปากกันกิ้วก้าวเมื่อเห็นฉันนุ่งกระโปรงไปทำงานวันถัดมา แต่อย่างฉันหรือจะสนใจกับพวกนั้น 


“ปากดีกันนัก ถึงนุ่งกระโปรงก็ไล่เตะได้นะ” ฉันบอกยิ้ม ๆ ไม่ได้ถือสาอะไรพวกเขา 

“แต่ก็น่ารักดีนะเจ้” เจ้าลพ ช่างเขียนแบบประจำออฟฟีสเดินมากระซิบ นั่นทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย 

“วันนี้ท่าจะฝนตก” นั่นเป็นเสียงเจ้านายของฉัน 

“ทำไม” ฉันหันไมค้อนให้ ก่อนจะรับงานที่เขาส่งให้มาดู 

“ก็นรีนุ่งกระโปรง” แล้วเขาก็หัวเราะ “ไม่ชินว่ะ” 

“อีกสักพักก็จะชินเอง เพราะนรีซื้อมาตั้งสี่ตัว” 

“เหรอ งั้นเย็นนี้ไปฉลองกันหน่อยไหม ซอยถัดไปมีผับเปิดใหม่ ชวนลูกสมุนนรีไปด้วย” 

“จริงเหรอ” ฉันถามด้วยแววตาเป็นประกาย “เย้...ได้เลย รู้งี้นุ่งกระโปรงมาทำงานนานแล้ว” ฉันตะโกนข้ามห้องไปหารุ่นน้องเพื่อบอกข่าวดี โดยมีเสียงหัวเราะขำ ๆ ของเจ้านายอยู่ข้าง ๆ 


.......... 
ฉันเปลี่ยนไปจริง ๆ หรือนี่ ฉันถามตัวเองหลายครั้ง กับแค่การเปลี่ยนมาใส่เสื้อผ้าที่มันดูหญิงกว่าเดิมเล็กน้อย ซอยผมที่ยาวตรงรุ่ยร่ายให้ไล่ระดับลงมา แล้วก็ทาลิปสติกสีอ่อน ๆ ฉันพบว่าตัวเองถูกมองจาก”ผู้ชาย”ที่เดินไปเดินมาตามท้องถนนมากขึ้น และได้รับการดูแลที่เป็น”พิเศษ” มากขึ้นจากเจ้านายผู้โสด แต่ไม่สดของฉัน 

ถ้ารู้ว่าการเปลี่ยนแปลงตัวเองเพียงเล็กน้อย แล้วจะทำให้ตัวเองรู้สึกดี รู้สึกมั่นใจตัวเองมากขึ้นอย่างนี้ ฉันคงเปลี่ยนตัวเองนานแล้ว 
............


 

จาก : สิริ-นดา - 08/10/2001 09:11  

 

เว็บ สิรินดา

http://www.sirinda-stories.net/sirinda.php

Naree-Keeta Special

http://www.sirinda-stories.net/sirinda/naree_special.php


นรีกับคีตา ตอน11 

http://board.dserver.org/y/yourstory/00000236.html