|
โดยการใช้พลังงานไฟฟ้าในภาคพาณิชยกรรม และที่พักอาศัย มีการใช้พลังงานไฟฟ้ารวมกันสูงถึง 53.4 เปอร์เซ็นต์ของการใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งประเทศ (รายงานไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2543) เห็นได้ว่าอาคารพาณิชย์ และอาคารพักอาศัยนั้น ได้มีการใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก ทำให้บทบาทของผู้ออกแบบอาคารและผู้ใช้อาคารนั้นส่งผลกระทบโดยตรงกับการใช้พลังงาน
ฉะนั้น การประหยัดพลังงานในอาคารถือว่าเป็นสิ่งจำเป็น โดยในงานสัมมนา “Technology For Green Building and Green Society” จัดขึ้นโดยสมาคมนิสิตเก่าวิศวกรรมศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมุ่งหวังให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการออกแบบ การใช้ Technology และอุปกรณ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อมุ่งสู่การเป็นสังคมสีเขียว
โดย ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพลังงาน ได้พูดถึงการประหยัดพลังงานในอาคาร ว่า “เรื่องการอนุรักษ์พลังงาน หากลองดูในประเทศสหรัฐอเมริกานั้น จะให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นลำดับแรก แต่ในทางธุรกิจแล้ว เรื่องดังกล่าวอาจได้รับความสนใจไม่เป็นวงกว้างมากนัก เพราะเรื่องการอนุรักษ์พลังงานนั้นจะไม่มีกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนและซื้อขาย ฉะนั้นจะต่างกับเรื่องการพัฒนาพลังงานทดแทน เพราะในเรื่องดังกล่าวจะมีการลงทุน มีกิจกรรม ตลอดจนซื้อขาย ก่อเกิดการจ้างงานเพิ่มมากขึ้น”
อย่างไรก็ดีในเรื่องของพัฒนาพลังงานนั้นจะได้รับการนำไปใช้งาน จะได้รับความสนใจมากน้อยเพียงใดนั้น คือการตระหนักจาก 3 สาเหตุหลักคือ พลังงาน (Energy) ปัญหาสิ่งแวดล้อม (Environmental) และปัญหาเศรษฐกิจ (Economic)
การใช้พลังงานส่วนใหญ่ในอาคารเป็นพลังงานไฟฟ้า โดยมีการแบ่งอาคารออกเป็น 4 ประเภท ตั้งแต่อาคารขนาดเล็กไปจนถึงอาคารขนาดใหญ่ โดยแต่ละขนาดจะมีการใช้พลังงานไฟฟ้าที่แตกต่างกันไป ตั้งแต่การใช้พลังงานไฟฟ้าปีละ 200 กิโลวัตต์/ตารางเมตร ไปจนถึง การใช้พลังงานไฟฟ้าปีละ 600 กิโลวัตต์/ตารางเมตร ซึ่งเป็นมาตรฐานทั่วไปที่ใช้ในการแบ่งเกณฑ์การใช้พลังงานไฟฟ้าภายในอาคาร โดยในแต่ละประเทศนั้นจะมีการแบ่งประเภทแตกต่างกันออกไป”
การใช้พลังงานไฟฟ้าในอาคาร
พลังงานไฟฟ้าที่ใช้สำหรับอาคารต่างๆ สามารถแบ่งออกได้เป็นสามหมวดหลักๆ คือ ระบบทำความเย็นปรับอากาศ ระบบแสงสว่าง และไฟฟ้าหรือพลังงานที่ใช้สำหรับอุปกรณ์อื่นๆ ในอาคาร
รายงานจาก USAID โดย Lawrence Berkley Laboratory ที่ทำให้การพลังงานแห่งชาติ เรื่อง Energy Conservation in Commercial Building ปี พ.ศ.2528 ได้แสดงการใช้ไฟฟ้าในอาคารแต่ละประเภทแยกตามกิจกรรม คือ ระบบทำความเย็น ระบบแสงสว่าง และอื่นๆ เป็นร้อยละของการใช้ ดังตาราง
|
ประเภทอาคาร
|
ระบบทำความเย็น
|
ระบบแสงสว่าง
|
อื่นๆ
|
|
สำนักงาน
|
50.0
|
25.0
|
25.0
|
|
โรงแรม
|
61.0
|
15.3
|
23.7
|
|
ศูนย์การค้า
|
60.0
|
25.0
|
15.0
|
|
สถานพยาบาล
|
77.5
|
14.7
|
7.8
|
จะเห็นได้ว่าในอาคารขนาดใหญ่ พลังงานไฟฟ้าส่วนใหญ่ใช้ไปกับระบบทำความเย็นปรับอากาศถึงครึ่งหนึ่ง หรือมากกว่าประมาณ 50-75 เปอร์เซ็นต์ ลำดับถัดมาได้แก่ ระบบแสงสว่างประมาณ 15-25 เปอร์เซ็นต์ ขึ้นกับประเภทกิจกรรมของอาคาร
|
ประเภทอาคาร
|
ระบบทำความเย็น
|
ระบบแสงสว่าง
|
อื่นๆ
|
|
สำนักงาน
|
63.0
|
25.0
|
12.0
|
|
สถานศึกษา
|
47.0
|
38.0
|
15.0
|
|
สถานพยาบาล
|
60.0
|
22.0
|
18.0
|
การวิเคราะห์การใช้พลังงานไฟฟ้าบนอาคารหน่วยงานราชการ โดยศูนย์อนุรักษ์พลังงานแห่งประเทศไทยร่วมกับการไฟฟ้านครหลวงและสำนักงบประมาณในปี 2534 พบว่าสัดส่วนการใช้พลังงานในส่วนต่างๆ ของกลุ่มอาคารในหน่วยงานราชการ ซึ่งแยกตามลักษณะกิจกรรมได้ดังตาราง
ดังนั้นจะเห็นว่าการอนุรักษ์พลังงาน และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพจะมุ่งเน้นการออกแบบไปที่การลดการทำความเย็นและการให้แสงสว่างแก่อาคารเป็นส่วนใหญ่
การอนุรักษ์พลังงาน ทำได้อย่างไร
ศ.ดร.บัณฑิต กล่าวว่า “ในการอนุรักษ์พลังงานภายในอาคาร ต้องมีการศึกษาถึงอุปสรรคเพื่อเก็บไว้เป็นข้อมูลก่อนการออกแบบ ว่าสิ่งใดนั้นฟุ่มเฟือย เพราะในฐานะของนักออกแบบแล้ว จะไม่สามารถรู้อย่างชัดเจนว่า ลักษณะการใช้งานของอาคารนั้น จริงๆ แล้วมีการใช้งานในลักษณะใด ฉะนั้นทำให้จะต้องมีการป้องกันในเบื้องต้น อาทิ การออกแบบระบบแสงสว่าง เมื่อนำมาใช้จริง ก็จะมีแสงสว่างที่มากกว่าที่ได้ออกแบบไว้”
ถ้าจะทำให้อาคารเป็นอาคารที่การใช้พลังงานอย่างประหยัด นักออกแบบต้องขยายขอบเขตของการออกแบบ โดยรวมการพิจารณาเรื่องพลังงานเข้าไปด้วย เพื่อให้การใช้พลังงานเป็นหัวข้อหลักของการพิจารณาการออกแบบ โดยจะคำนึงถึงข้อดังต่อไปนี้ คือ ลดภาระพลังงานที่ใช้ในอาคาร เลือกใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียน ก่อนอย่างใช้การได้ดี และการใช้พลังงานที่มีอยู่อย่างจำกัด เท่าที่จำเป็นอย่างมีประสิทธิภาพ
สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่ง คือ การพิจารณาทบทวนเรื่องการใช้พลังงานที่ได้ออกแบบไปในแต่ละขั้นตอนของขบวนการออกแบบจากประสบการณ์ที่ได้ปฏิบัติผ่านๆ มา ระดับของความเป็นไปได้ในการประหยัดพลังงานในแต่ละขั้นตอนของขบวนการออกแบบ พอจะสรุปได้ว่า ในช่วงต้นของการออกแบบอาคารมีความเป็นไปได้ของการประหยัดพลังงานมากถึงร้อยละ 40-50 แต่เมื่ออาคารก่อสร้างแล้วเสร็จการดำเนินการเพื่อประหยัดพลังงานนั้นมีเพียงร้อยละ 10-20 เท่านั้น
หากเจ้าของอาคารและผู้ออกแบบร่วมมือกันสร้างอาคาร จากจิตสำนึกในเรื่องพลังงาน และพยายามออกแบบอาคารให้ใช้พลังงานอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพ แล้วก็จะส่งผลดีให้กับสิ่งแวดล้อม กับประเทศชาติ และเอื้ออาทรต่อมนุษยชาติด้วยกัน
|