Home » คอมพิเตอร์ เก็บตก » การจัดประเภท ของ หนังสือคอมพิวเตอร์

การบริหาร/ความรู้ทั่วไป

Web Design by Softbiz+


ว็บนี้ สร้างด้วย Joomla! 1.5 โดย ทีมงานซอฟท์บิส+ update11.11.2014

 
การจัดประเภท ของ หนังสือคอมพิวเตอร์

หนังสือคอมพิวเตอร์มีกี่ประเภท

โดย  ธงชัย โรจน์กังสดาล ที่มา  http://www.dailynews.co.th/technology/151091

         เมื่อเร็ว ๆ นี้ ลูกศิษย์ของผมคนหนึ่งโทรศัพท์ถามผมว่า เธอมีหนังสือคอมพิวเตอร์หลายเล่มที่ไม่ต้องการ จะนำไปบริจาคได้ที่ไหนบ้าง ผมจึงถามว่ามีหนังสือคอมพิวเตอร์แนวไหนบ้าง เพื่อจะได้แนะนำสถานที่รับบริจาคได้อย่างเหมาะสม เช่น ถ้าเป็นตำราเรียน ก็บริจาคได้ที่ห้องสมุดสถาบันการศึกษา เพื่อเป็นประโยชน์ต่อรุ่นน้อง ผมจึงเกิดความคิดที่จะเขียนบทความเรื่องนี้ เพราะปัจจุบันมีหนังสือคอมพิวเตอร์จำนวนมากวางแผงในท้องตลาด เราจะทราบได้อย่างไรว่าหนังสือแนวไหนเหมาะสมกับเรา ผมจึงขอจัดหมวดหมู่หนังสือคอมพิวเตอร์จากประสบการณ์ส่วนตัวดังนี้ครับ

        1. ตำราเรียน หนังสือแนวนี้เป็นตำราเรียนด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ หรือเทคโนโลยีสารสนเทศ ตัวอย่างเช่น ตำราเรียนวิชาระบบปฏิบัติการ ตำราเรียนวิชาสถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์ ตำราเรียนวิชาปัญญาประดิษฐ์  เป็นต้น

             หนังสือเหล่านี้เป็นตำราเรียนหรือหนังสือประกอบการเรียนวิชานั้น ดังนั้นชื่อหนังสือจะคล้าย ๆ กัน ตำราเรียนภาษาอังกฤษบางเล่มมีชื่อเสียงโด่งดังมาก จัดได้ว่าเป็น “คัมภีร์” ของวิชานั้น และเรามักเรียกชื่อหนังสือตามหน้าปก  ตัวอย่างเช่น ตำราเรียนวิชาตัวแปลภาษาหรือคอมพายเลอร์ที่โด่งดังที่สุดเล่มหนึ่งของโลกเรียกว่า “ดรากอนบุ๊ค” (หนังสือมังกร) เพราะหน้าปกหนังสือเป็นรูปอัศวินกำลังสู้มังกรซึ่งเป็นการเปรียบเทียบความสลับซับซ้อน หรือตำราเรียนวิชาระบบปฏิบัติการเล่มหนึ่งเรียกว่า “หนังสือไดโนเสาร์” เพราะหน้าปกหนังสือเป็นรูปไดโนเสาร์เปรียบเทียบกับระบบปฏิบัติการรุ่นต่าง ๆ นั่นเองครับ

            ถึงแม้ว่าศาสตร์คอมพิวเตอร์จะรุดหน้าไปเร็วมาก แต่ตำราเรียนต่าง ๆ ยังคงสามารถใช้ประกอบการเรียนได้ เพราะแก่นของศาสตร์ยังเหมือนเดิม ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงมากนัก ตำราบางเล่มที่เขียนเมื่อยี่สิบปีที่แล้วก็ยังอ่านได้โดยเนื้อหาไม่ล้าสมัยมากนัก ใครมีตำราเรียนคอมพิวเตอร์แต่ไม่ต้องการแล้ว ก็สามารถบริจาคได้ที่ห้องสมุดสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ครับ จะได้เป็นประโยชน์ต่อนักศึกษารุ่นหลังต่อไป


       2. หนังสือสอนการเขียนโปรแกรม  ภาษาคอมพิวเตอร์มีมากมายแทบนับไม่ถ้วน ดังนั้นหนังสือที่สอนการเขียนโปรแกรมตั้งแต่ระดับพื้นฐานจนถึงขั้นสูงจึงเป็นหนังสือคอมพิวเตอร์ที่ขายได้เสมอ ในขณะที่ผมเพิ่งเรียนการเขียนโปรแกรมครั้งแรกเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ได้รับความนิยมมากคือปาสคาล ถัดจากนั้นก็เป็นภาษาซี ซีพลัสพลัส จนกระทั่งยุคปัจจุบันคือภาษาจาวา แต่นอกจากภาษาจาวาแล้ว ยังมีภาษาอื่น ๆ อีก เช่น ไพทอน เพิร์ล รวมถึงภาษาที่พัฒนาเว็บเช่น เอชทีเอ็มแอล พีเอชพี จาวาสคริปต์ ภาษาที่เขียนแอพบนไอโฟนหรือไอแพดเช่น อ็อบเจ็กทีฟ-ซี  เป็นต้น

 

 

 

      3. หนังสือฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ หนังสือแนวนี้คลุมถึงหนังสือสอนการใช้งานอินเทอร์เน็ตและเว็บไซต์ทั้งหลายด้วย เราจะพบหนังสือแนวนี้มากที่สุดครับ ตัวอย่างเช่น หนังสือไมโครซอฟต์ออฟฟิศ หนังสือโฟโต้ช็อป หนังสือไอแพด หนังสือเกม เป็นต้น หนังสือเหล่านี้จะมีข้อเสียเปรียบกว่าหนังสือคอมพิวเตอร์แนวอื่น คือ ค่อนข้างอายุสั้น ตำราเรียนบางเล่มสามารถใช้ได้ถึงสิบปี ในขณะที่คู่มือซอฟต์แวร์บางเล่มใช้ได้เพียงสองหรือสามปีก็ล้าสมัยแล้ว เพราะซอฟต์แวร์ปรับเปลี่ยนหน้าจอหรือการใช้งานจนกระทั่งแตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง ทำให้หนังสือที่เขียนสำหรับรุ่นก่อนล้าสมัยไปเลย นักเขียนคู่แข่งที่เขียนหนังสือเหมือนกันก็มีจำนวนมาก แต่ข้อได้เปรียบของหนังสือแนวนี้คือ มีตลาดกว้างมาก ในขณะที่ตำราเรียนหรือคู่มือการเขียนโปรแกรมจะมีกลุ่มลูกค้าที่เล็กกว่า ผู้อ่านก็เลือกหนังสือที่ตนเองชอบได้ เพราะมีหนังสือให้เลือกมากมาย ถ้าใครอยากเขียนหนังสือสอนการใช้ฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ ก็ควรกำหนดกลุ่มผู้อ่านที่เฉพาะเจาะจงและมีคนอ่านมาก เพื่อจะได้ไม่ต้องแข่งขันกับเล่มอื่นครับ

 


      4. หนังสือประกอบการทำงานหรือหนังสือเฉพาะทาง ตัวอย่างเช่น การพัฒนาซอฟต์แวร์ขนาดใหญ่ การรักษาความปลอดภัยในองค์กร การออกแบบเครือข่าย เป็นต้น หนังสือเหล่านี้เหมาะกับผู้ที่ทำงานในสาขานั้นโดยตรงหรือนิสิต นักศึกษาที่สนใจสาขานั้นเป็นพิเศษครับ

 

 

 

 

 

 

 

      5. หนังสือแนวอื่น ๆ หนังสือเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับศาสตร์ไอทีโดยตรง แต่เป็นเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับไอทีเช่น แนวคิดทางธุรกิจ ความเป็นมา บุคคลสำคัญในวงการไอที เกร็ดต่าง ๆ เช่น ประวัติของบริษัทกูเกิลหรือแอปเปิล ผู้เขียนมักจะเขียนให้หนังสือเหล่านี้อ่านง่าย ไม่ใช้ศัพท์เทคนิคที่เข้าใจยาก และอ่านเพลิดเพลินครับ

     วงการไอทีเป็นวงการที่มีการเปลี่ยนแปลงเร็วมากที่สุดวงการหนึ่ง คนที่ทำงานในวงการนี้ต้องหมั่นศึกษาขวนขวายความรู้ใหม่ ๆ อย่างสม่ำเสมอ การอ่านหนังสือคือวิธีที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งในการพัฒนาความรู้ของตนเอง ดังนั้นเจียดเวลามาอ่านหนังสืออย่างสม่ำเสมอกันเถอะครับ.

ธงชัย โรจน์กังสดาล
ที่มา  http://www.dailynews.co.th/technology/151091