Home » คอมพิเตอร์ เก็บตก » สตีฟ จ็อบส์ ถอดปรัชญาชีวิต คนพลิกโลก

การบริหาร/ความรู้ทั่วไป

Web Design by Softbiz+


ว็บนี้ สร้างด้วย Joomla! 1.5 โดย ทีมงานซอฟท์บิส+ update11.11.2014

 
สตีฟ จ็อบส์ ถอดปรัชญาชีวิต คนพลิกโลก

สตีฟ จ็อบส์ สู่ห้องเรียน ถอดปรัชญาชีวิต...พลิกโลก

ทีมข่าวรายงานพิเศษ "คม ชัด ลึก" สู่ blogโอเคเนชั่น วันพุธ ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555

      "คนที่บ้าพอที่จะคิดว่าตัวเองพลิกโลกได้ คือคนที่ทำได้จริงๆ" ข้อความหนังโฆษณา ชุด Think Different ของ Apple ปี 2540 ปรากฏอยู่หน้าจอโปรเจกเตอร์ขนาดใหญ่..ภายในห้องเรียนวิชานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยเนชั่น นักศึกษากว่า 50 ชีวิต ซึ่งมีหนังสือ "สตีฟ จ็อบส์" อยู่ข้างกายคนละเล่ม และยังถ่ายทอดสดไปยังห้องเรียนของนักศึกษาคณะเดียวกันอีกเกือบร้อยชีวิต ที่มหาวิทยาลัยเนชั่น ลำปาง

        หนึ่งในสื่อการบรรยายของ "สุทธิชัย หยุ่น" บรรณาธิการหนังสือชีวประวัติ "สตีฟ จ็อบส์" เขียนโดย "วอลเตอร์ ไอแซคสัน" พร้อมด้วย "ณงลักษณ์ จารุวัฒน์" หนึ่งในผู้ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของผู้สร้างตำนาน "แอปเปิล" ให้เป็นภาษาไทยขนาดความหนากว่า 700 หน้า ถูกรับเชิญมาบรรยายพิเศษในประเด็นเกี่ยวกับหนังสือ "สตีฟ จ็อบส์ "... จะเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณอย่างไร?

        ก่อนนำไปสู่ไฮไลท์ของสารคดีพิเศษ "สตีฟ จ็อบส์" จากรายการชีพจรโลก คัดเลือกตอนที่กล่าวถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงจากวงการต่างๆ ที่ได้รับอิทธิพลจาก สตีฟ จ็อบส์ มาพูดคุยแลกเปลี่ยน รวมถึงประสบการณ์ตรงของ นายสฤษฎ์ผล ธนะรัช บัณฑิตมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ผู้ได้ฟังคำปราศรัยอันโด่งดังของ "สตีฟ จ็อบส์" ในวันรับปริญญาเมื่อปี 2548 นับว่าเป็นครั้งแรกที่ "สตีฟ จ็อบส์" พูดชีวิตและตัวตนของเขาอย่างเรียบง่ายและลึกซึ้งถึง การเชื่อมจุด, ความรักและการสูญเสีย, ความตาย

       โดยมีประโยคเด็ดที่ว่า "...ไม่มีใครสามารถเชื่อมจุดจากปัจจุบันไปยังอนาคตได้ เราทำได้เพียงเชื่อมจากปัจจุบันไปหาอดีตเท่านั้น เพราะฉะนั้นน้องๆ ต้องมั่นใจว่า อะไรที่ทำอยู่ตอนนี้ จะเชื่อมไปเองในอนาคต น้องๆ ต้องเชื่อมั่นในอะไรสักอย่างนะครับ ไม่ว่าจะเป็นสัญชาตญาณ โชคชตา ชีวิต กฎแห่งกรรม หรืออะไรก็แล้วแต่ ความเชื่อมั่นแบบนี้ไม่เคยทำให้ผมผิดหวัง และมันทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไปมาก..."

       "หลังจากฟังปราศรัยของ สตีฟ จ็อบส์ แล้ว ทำให้มุมมองชีวิตผมเปลี่ยนไป ตอนแรกผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่า สตีฟ จ็อบส์ เรียนไม่จบมหาวิทยาลัย " นายสฤษฎ์ผล บอกถึงความประทับใจในคำปราศรัยของสตีฟ จ็อบส์

      "นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งของการทำสารคดี ซึ่งพวกเราต้องเรียนรู้ เมื่อได้ฟังคำปราศรัยชิ้นนี้ ทีมงานเราบอกว่า น่าจะมีคนไทยสักคนอยู่ในงานรับปริญญาครั้งนี้ จึงมีการโพสต์ถามผ่านเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ จนพบว่า มี 1 คน และทำให้สารคดีสตีฟ จ็อบส์ มีความสนุกมากขึ้น และแม้ว่าจะผ่านมา 7-8 ปีแล้ว สตีฟ จ็อบส์ ยังมีอิทธิผลต่อชีวิตเขาให้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ สตีฟ จ็อบส์ คือแรงบันดาลใจให้คนจำนวนไม่น้อย เพราะเชื่อว่าไม่มีอะไรทำไม่ได้ ถ้าคุณได้ทำมันอย่างประณีต" สุทธิชัย บอกถึงอิทธิพลของสตีฟ จ็อบส์

        ด้วยความเป็น สตีฟ จ็อบส์ ผู้นิยมความสมบูรณ์แบบ ได้สะท้อนออกมาในผลงานทุกชิ้นของเขา ไม่ว่าจะเป็นไอโฟน ไอแพด เขาจะคำนึงถึงความเรียบง่าย ใช้สะดวก และที่มาของรูปลักษณ์ไอโฟนที่จับถนัดมือ ได้มาจากการที่ สตีฟ จ็อบส์ เข้าไปเลือกสรรไอเดียจากร้านจำหน่ายเครื่องครัว และปิ๊งไอเดียความโค้งมนของกล่องใส่ขนม จึงกลายมาเป็นไอโฟนรูปทรงโค้งมนจับถนัดมือนั่นเอง

        นอกจากนี้ สตีฟ จ็อบส์ ยังใส่ใจทุกรายละเอียด โดยเฉพาะฟรอนท์ตัวอักษรทุกตัวที่อยู่ในไอโฟน ต้องออกแบบมาให้สวยงาม ตลอดจนการพรีเซ็นต์สินค้าของเขาก็จะใส่ใจทุกรายละเอียดทุกขั้นตอน ซ้อมแล้วซ้อมอีก จนมั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสะท้อนอัจฉริยภาพในตัวเขาเป็นอย่างดี

       "สุทธิชัย" สรุปถึง 3 สิ่งที่ได้จากหลักการทำงานของสตีฟ จ็อบส์ ว่า 1.มีโฟกัส รู้จักประเด็นสำคัญ ทำงานมุ่งมั่นไปสู่สิ่งนั้น 2.มีความตั้งใจ มีความสมบูรณ์แบบ และ 3.ทำให้ง่าย ซึ่งกว่าจะทำให้ง่ายนั้น ต้องมีความเข้าใจในสิ่งนั้นอย่างทะลุปรุโปร่งเสียก่อน

       ในเรื่องหลักของชีวิต สตีฟ จ็อบส์ ผู้เคยมีความสงสัยในพระเจ้า เขาก็เคยหาคำตอบในความเชื่อในเรื่องพระเจ้า เมื่ออายุราว 10 ขวบ โดยถือหนังสือที่ลงภาพความหิวโหยของเด็กชาวแอฟริกาไปถามบาทหลวงในโบสถ์ว่า พระเจ้ามีจริงหรือไม่ คำตอบยังชัดเจนว่า "พระเจ้ามีจริง" แล้วพระเจ้าทำอะไรอยู่ จึงทำให้เขามีความเชื่อในพระเจ้าแค่ 50 : 50 ส่วนในเรื่องความตายนั้น สตีฟ จ็อบส์ ไม่เชื่อว่า เมื่อเวลาคนเราตายไปก็เหมือนปิดสวิตช์ทุกอย่างที่เคยทำไว้ก็หายไป แต่เขาอยากให้มีอะไรเหลืออยู่บ้าง ดังนั้นทุกผลิตภัณฑ์ของเขาจึงไม่มีสวิตช์เปิด-ปิด เพราะเขากลัวว่ามันจะหายไปหมด นั่นสะท้อนให้เห็นปรัชญาชีวิตของเขาถูกบรรจุอยู่ในผลงานคิดค้นของเขาด้วย

        "หนังสือเล่มนี้ เปลี่ยนชีวิตคุณได้ เชื่อผม" สุทธิชัย เน้นย้ำกับนักศึกษา แม้ว่ายังไม่มีนักศึกษาคนใดอ่านจบเล่ม แต่หนังสือเล่มนี้ ได้กลายเป็นการบ้านชิ้นใหญ่ ที่นักศึกษาไม่จำเป็นต้องอ่านให้จบเล่ม เพียงแค่แบ่งกลุ่ม แบ่งหัวข้อในการอ่าน แล้วมาวิเคราะห์ชีวิตและการทำงานของ "สตีฟ จ็อบส์" ต่อในสัปดาห์หน้า!!

ที่มา  http://www.oknation.net/blog/Sp-Report/2012/02/01/entry-9

  

หนังสือชีวประวัติ  
สตีฟ จ็อบส์
เขียนโดย วอลเตอร์ ไอแซคสัน
ณงลักษณ์ จารุวัฒน์ และคณะแปล

อีกหนึ่งผลงานจากผู้เขียนหนังสือชีวประวัติบุคคลสำคัญของโลก อย่างเบนจามิน แฟรงคลิน และ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ที่ติดอันดับหนังสือขายดีที่สุด “สตีฟ จ็อบส์” เป็นหนังสือชีวประวัติอย่างเป็นทางการ ฉบับพิเศษสุดเพียงเล่มเดียว ที่เขียนขึ้นจากคำบอกเล่าของสตีฟ จ็อบส์ เอง

“สตีฟ จ็อบส์” เป็นหนังสือชีวประวัติเรื่องราวของอัจฉริยะแห่งโลกไอที รวบรวมเนื้อหาการสัมภาษณ์สตีฟ จ็อบส์ กว่า 40 ครั้งตลอดระยะเวลา 2 ปีก่อนเขาเสียชีวิต และบุคคลอื่นๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในชีวิตเขาอีกกว่า 100 คน ได้แก่ สมาชิกในครอบครัว เพื่อน ศัตรู คู่แข่งทางธุรกิจ และเพื่อนร่วมงาน วอลเตอร์ ไอแซคสัน บรรยายชีวิตที่เต็มไปด้วยประสบการณ์อันโลดโผน บุคลิกภาพกร้าวแกร่งของผู้ประกอบการธุรกิจหัวคิดสร้างสรรค์ ที่ทุ่มเทชีวิตอย่างบ้าระห่ำเพื่อความสมบูรณ์แบบ และแรงขับดันอย่างมหาศาลที่พลิกโลกอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ภาพยนตร์แอนิเมชัน ดนตรี โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์แท็บเบลต และสื่อสิ่งพิมพ์ดิจิทัล ขณะที่สหรัฐอเมริกาพยายามแสวงหาวิธีดำรงไว้ซึ่งความได้เปรียบเชิงนวัตกรรมของตนอย่างยั่งยืน ขณะที่สังคมทั่วโลกพยายามหาทางสร้างระบบเศรษฐกิจที่เหมาะสมกับยุคดิจิทัล สตีฟ จ็อบส์ เป็นสัญลักษณ์แห่งสุดยอดงานนวัตกรรม และการนำจินตนาการมาประยุกต์ให้กลายเป็นผลงานสะท้านโลก เขารู้ดีว่าวิธีที่ดีที่สุดในการสร้างคุณค่าในโลกคริสต์ศตวรรษที่ 21 คือ การหลอมรวมความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน เขาสร้างบริษัทซึ่งมีปรัชญาการทำงานเน้นให้ความสำคัญกับการผสมผสานจินตนาการอันบรรเจิด และผลงานทางวิศวกรรมที่เลิศล้ำ ด้วยความร่วมมืออย่างเต็มที่จากจ็อบส์ เขาบอกไว้ล่วงหน้าอย่างชัดเจนว่า จะไม่ขอควบคุมเนื้อหาใดๆ ในหนังสือเล่มนี้ และจะไม่อ่านต้นฉบับก่อนพิมพ์ แม้ว่าเขาจะมีสิทธิ์ก็ตาม เขาเปิดเผยทุกอย่าง ไม่อ้อมค้อม ไม่ปิดบังหรืออำพราง และสนับสนุนให้ทุกคนที่เขารู้จักให้ความร่วมมือบอกเล่าทุกอย่างตามความเป็นจริง สตีฟ จ็อบส์เล่าเรื่องราวในชีวิตอย่างตรงไปตรงมา บางครั้งอาจดูเหี้ยมเกรียมกับผู้ร่วมงานและคู่แข่ง ทั้งเพื่อนฝูง อริ และเพื่อนร่วมงาน ได้เผยให้เห็นธาตุแท้ของบุคคลที่เต็มไปด้วยความหลงใหล ความหมกมุ่นอย่างบ้าคลั่ง การแสวงหาความสมบูรณ์แบบ ความงามเชิงศิลปะ ความร้ายกาจ และการทำงานแบบ “เกาะติด” และ “กัดไม่ปล่อย” ที่กลายเป็นวิถีดำเนินธุรกิจและผลิตภัณฑ์นวัตกรรมพลิกโลกตามแบบฉบับของเขาในเวลาต่อมา แม้จะเหี้ยมเกรียม ดุดัน และเย็นชา จนทำให้ผู้คนรอบข้างโกรธเกรี้ยวและท้อแท้ แต่บุคลิกภาพอันโดดเด่นนี้ของสตีฟ จ็อบส์ มีส่วนสัมพันธ์กับผลิตภัณฑ์ที่เขาสรรค์สร้างอย่างลึกซึ้ง เหมือนฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ในคอมพิวเตอร์ของ Apple ที่ต่างเป็นส่วนหนึ่งของระบบที่เกี่ยวข้องกัน เรื่องราวในชีวิตของสตีฟ จ็อบส์ ให้ทั้งข้อคิด และข้อเตือนใจ เต็มไปด้วยสาระที่เป็นบทเรียนเกี่ยวกับการสร้างสรรค์งานนวัตกรรม บุคลิกภาพของมนุษย์ การเป็นผู้นำ และค่านิยมในชีวิต